จอเบิร์น ใน iPhone แก้ไขยังไงดี?

จอเบิร์น iphone

ปัญหา จอเบิร์น ใน iPhone เป็นปัญหาที่ผู้ใช้งานหลายคนพบเจอ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้งานเป็นเวลานานและมีการแสดงผลที่ค้างอยู่นานๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาพติดค้างบนหน้าจอของ iPhone ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับหน้าจอ OLED มากกว่าหน้าจอ LCD

จอเบิร์น คือ อะไร?

อาการจอเบิร์น (Burn-in) คือ ปรากฏการณ์ที่ภาพหรือส่วนของภาพหนึ่งค้างอยู่บนหน้าจออย่างถาวรหรือเป็นเวลานาน แม้ว่าจะเปลี่ยนภาพที่แสดงผลแล้วก็ตาม หรือเรียกอีกอย่างว่า จอแสดงภาพซ้อน ซึ่งสาเหตุหลักมักเกิดจากการแสดงผลของภาพเดิมๆ ในตำแหน่งเดียวกันเป็นเวลานานๆ ทำให้ส่วนของหน้าจอที่แสดงภาพนั้นเสื่อมสภาพเร็วกว่าส่วนอื่น โดยส่วนใหญ่จะพบในหน้าจอ OLED เนื่องจากจอ OLED เป็นจอที่สามารถเปล่งแสงเองได้เมื่อได้รับพลังงานไฟฟ้าโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาแสง Backlight ซึ่งจะมีการเปล่งแสงเป็นบางพิกเซลทำให้บางพิกเซลแสดงแสงสีเดิมเดิมๆเป็นระยะเวลานานอาจจะทำให้จุดพิกเซลนั้นเกิดการแสดงสีนั้นค้างแม้จะเปลี่ยนรูปภาพหน้าจอแล้ว หากทำการแคปภาพหน้าจอจะไม่ติดภาพที่ซ้อน

จอแสดงภาพซ้อน โลโก้แอป
จอแสดงภาพซ้อนโลโก้แอป

สาเหตุที่ทำให้เกิด จอเบิร์น

1.การแสดงผลภาพเดิมเป็นระยะเวลานาน

หากมีการเปิดใช้งานภาพเดิมๆเป็นระยะเวลานานเช่น แถบสถานะหรือแถบเมนู ของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ก็จะทำให้หน้าจอเกิดค้างภาพ แถบเมนูของแอปพลิเคชั่นนั้น

2.ความสว่างของหน้าจอสูงเกินไป

การเปิดความสว่างหน้าจอสูงจะทำให้เม็ดพิกเซลในจอทำงานหนักขึ้นและหากมีการเปิดภาพเดิมซ้ำก็จะทำให้เกิดภาพนั้นติดตลอดเวลา

3.อุณหภูมิจอสูง

หากใช้ iPhone ขณะที่อุณหภูมิโดยรอบสูงอาจจะทำให้หน้าจอมีความร้อนสูงและจะเกิดอาการจอเบิร์น ได้ง่าย

วิธีป้องกัน จอเบิร์น ใน iPhone

1.ปรับความสว่างหน้าจอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

หลีกเลี่ยงการตั้งค่าความสว่างสูงสุดตลอดเวลา และเปิดการตั้งค่า “Auto-Brightness” เพื่อให้หน้าจอปรับความสว่างตามสภาพแวดล้อมอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้พิเซลของหน้าจอทำงานหนักเกินไป

2.หลีกเลี่ยงการแสดงภาพเดิมนานๆ

หากต้องการเปิดแอปหรือหน้าจอที่มีองค์ประกอบค้าง ให้พยายามเปลี่ยนหน้าจอบ่อยๆ เพื่อไม่ให้พิกเซลหน้าจอแสดงภาพเดิมๆ เช่นอาจจะใช้งานสัก 1 ชั่วโมงแล้วพักหน้าจอสัก 10 นาทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการจอเบิร์น

3.เปิดโหมดพักหน้าจออัตโนมัติ

ตั้งค่าให้ iPhone ปิดหน้าจออัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 1 นาที หรือ 2 นาที เพื่อป้องการเผลอเปิดหน้าจอค้างไว้เป็นเวลานานๆ

4.หลีกเลี่ยงการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด

พยายามใช้งาน iPhone ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิพอเหมาะ ไม่ร้อนเกินไป เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของหน้าจอ

5.อัพเดทซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

Apple มักจะออกอัพเดทที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของหน้าจอและป้องกันปัญหาจอเบิร์น ควรตรวจสอบและอัพเดทซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ

วิธีแก้ปัญหา จอแสดงภาพซ้อน ที่เกิดขึ้นแล้ว

หาก iPhone พบปัญหาจอเบิร์นแล้ว วิธีการแก้ไขอาจไม่ได้ผลอย่างสมบูรณ์ แต่สามารถลดความรุนแรงของปัญหาได้ดังนี้

1.ใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยลบภาพติดค้าง

มีแอปพลิเคชันบางตัวที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดภาพติดค้างบนหน้าจอ โดยการแสดงสีหรือภาพเคลื่อนไหวที่ช่วยปรับสมดุลของพิกเซล

2.ปิดเครื่องสัก 10 นาที

ในการปิดเครื่องไว้สัก 10 นาทีเพื่อทำการปิดการแสดงผลของพิกเซลทั้งหมด รวมถึงเป็นการรีเซ็ทพิกเซลจอใหม่ หากลองปิด 10 นาทีแล้วยังไม่หายอาจจะลองทำการปิดข้ามคืน

3.ลดความสว่างหน้าจอและเปลี่ยนแอปใช้งานบ่อยๆ

การลดความสว่างหน้าจอและเปลี่ยนแอปที่ใช้งานบ่อยๆ สามารถช่วยลดการเสื่อมสภาพของหน้าจอได้ โดยวิธีนี้อาจจะลองทำสัก 3-4 วัน หากเป็นอาการแสดงภาพซ้อนเล็กน้อย อาการนั้นก็จะหายไปแต่หากเป็นอาการทีเป็นหนักเช่นภาพที่ซ้อนค่อนข้างเป็นสีเข้ม วิธีนี้อาจจะแก้ไม่หาย

4.เปลี่ยนหน้าจอใหม่

หากปัญหายังไม่หาย แนะนำพิจารณาการเปลี่ยนหน้าจอใหม่เพราะอาการนี้เกิดขึ้นจากฮาร์ดแวร์สามารถแก้ด้วยการเปลี่ยนหน้าจอใหม่ได้

จอเบิร์น วิธีป้องกัน

 

เปลี่ยนหน้าจอ iPhone ที่ไหนดี

หากลองแก้ไขเบื้องต้นแล้วยังไม่หายแนะนำให้ช่างตรวจเช็คแบบละเอียดอีกที หากตัวเครื่องยังมีการรับประกันสามารถนำตัวเครื่องเข้าเช็คที่ศูนย์บริการ Apple ได้เลย เช็คประกัน iPhone

ถ้าหากตัวเครื่องเครื่องเกินระยะเวลารับประกัน ต้องการหาร้านซ่อมด้านนอกแนะนำ ร้าน SmartzoneTH ทางร้านรับซ่อมทุกอาการเสียของ iPhone  มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเราได้ที่นี่

ศูนย์ซ่อมไอโฟน

อาการ จอแสดงภาพซ้อน เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการตั้งค่าการใช้งานที่เหมาะสม เช่น การปรับความสว่างหน้าจอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการแสดงภาพเดิมนานๆ เปิดโหมดพักหน้าจออัตโนมัติ และหลีกเลี่ยงการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด หากพบปัญหาจอเบิร์นแล้ว ควรใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยลบภาพติดค้าง ลดความสว่างหน้าจอ และเปลี่ยนแอปที่ใช้งานบ่อยๆ หรือหากปัญหายังไม่หาย แนะนำเปลี่ยนหน้าจอจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน